แอร์บ้านมีแบบใดบ้างและเหมาะสำหรับห้องประเภทใด
แอร์บ้านมีหลายลักษณะตามตำแหน่งของการติดตั้งคือ แอร์บ้านถูกแยกออกมาตามลักษณะของการวางตามตำแหน่งของห้องดังนี้
1). แบบติดผนัง เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด การดูแลรักษาทำได้ง่าย มีให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบ สวยงาม กินไฟน้อย
2). แบบฝังกับผนัง เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะแอร์บ้านประเภทนี้จะถูกฝังเก็บเข้าไปใต้ผนังทั้งหมดรวมทั้งอุปกรณ์ ท่อน้ำทิ้งและท่อน้ำยาทั้งหมด โดยมีราคาค่อนข้างสูง
3). แบบแขวนใต้แผ่นฝ้า เหมาะกับห้องขนาดเล็กและห้องขนาดกลาง แต่มีผู้อาศัยในห้องหลายคน โดยเป็นชนิดที่ให้ความเย็นได้อย่างทั่วถึง มักนิยมติดตามสำนักงานหรือร้านค้าขนาดย่อม
4). แบบตู้สำหรับตั้งกับพื้น เหมาะสำหรับ สำนักงานหรือโรงงานที่มีขนาดใหญ่ มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเป็นชนิดที่ให้ความเย็นได้มากและกระจายความเย็นทั่วถึง แต่ก็สิ้นเปลืองไฟมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังทนต่อควันและฝุ่นได้เป็นอย่างดี
การเลือกใช้ BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง
การติดตั้งแอร์ที่จำเป็นที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การเลือกใช้ขนาดของ BTU ที่เหมาะสม ห้องจะเย็นสบายดีก็จะขึ้นกับความสัมพันธ์ของ BTU และขนาดของห้องเป็นหลักสำคัญ โดยค่า BTU จะเป็นตัวบอกว่า แอร์มีความสามารถในการดึงความร้อนและถ่ายเทให้อากาศเย็นแก่ภายในห้อง การเลือก BTU ที่ไม่สอดคล้อง ไม่พอเหมาะกับห้องนั้น ถ้าค่า BTU สูงหรือต่ำเกินไปก็จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานหรืออายุการใช้งานน้อย เสียง่าย
ถ้า BTU สูงจนเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องตัดบ่อยเกินไป
หาก BTU ต่ำจนเกินไป เพื่อให้ห้องเย็นสม่ำเสมอ ก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก มีโอกาสที่แอร์จะเสียง่าย ใช้ไม่ได้นาน
สูตรในการหาค่า BTU ของห้องทั่วไป คือ พื้นที่ห้อง (ตรม.) X จำนวน BTU 600 เช่น ห้องมีขนาด กว้าง 5 เมตร ยาว 6 เมตร ก็จะต้องใช้แอร์ที่มีค่า BTU ดังนี้ 5 x 6 x 600 = 18000 BTU เป็นต้น